คณาจารย์และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) รุ่นที่ 10

วันนี้ (วันที่ 27 มกราคม 2566) นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พร้อมด้วยแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ให้การต้อนรับ พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ ผู้อำนวยการหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.)/เลขาธิการแพทยสภา,นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า,รศ.นพ.วิศิษ วามวาณิชย์ ประธานนักศึกษา ปธพ.10/ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วย คณาจารย์และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) รุ่นที่ 10 สถาบันพระปกเกล้า และคณะเจ้าหน้าที่ จำนวน 145 คน ศึกษาดูงาน ณ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยรับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการโรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลหลักของจังหวัดภูเก็ต และจัดอยู่ในประเภทโรงพยาบาลระดับภูมิภาคของกระทรวงสาธารณสุขและเยี่ยมชมโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตมีจุดเด่นของการบริหารจัดการ การแพทย์และสาธารณสุข ในการรองรับสถานการณ์ในภาวะวิกฤต อาทิ ภัยพิบัติสึนามิ สถานการณ์โควิด-19 ควบคู่การดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยวางเป้าหมายการยกระดับจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อวางรากฐานระบบสุขภาพของคนในจังหวัดให้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพควบคู่กันไปด้วย

โอกาสนี้ นางสาวเกตุวดี ปิยะเมธินรุจน์ ผู้แทนการตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ (สสปน.) ได้นำเสนอข้อมูลที่ประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ตกำลังเดินหน้าเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัด Specialised Expo 2028 เพื่อเป้าหมายในการโปรโมทเป็น Medical&Wellness Hub การพัฒนาเมืองสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยได้ขอความร่วมมือจากคณะนักศึกษา ปธพ.10 ร่วมเสนอข้อมูลทางด้านการแพทย์และสุขภาพเพื่อนำไปประกอบในการจัดทำข้อมูลที่จะนำไปเสนอ ต่อประเทศสมาชิก BIE ที่จะประเทศฝรั่งเศสในเดือนกุมภาพันธ์ 2566

ด้าน พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ ผู้อำนวยการหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) / เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง เป็นหลักสูตรที่รวมบุคลากรทางการแพทย์ระดับผู้บริหารทั้ง 5 กระทรวง ทั้งเอกชนและบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรอื่นๆ มาเรียนรู้ระบบสุขภาพของประเทศด้วยกัน เพื่อที่จะบูรณาการในการทำงานต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาวางแผนพัฒนาระบบของสุขภาพประเทศไทย

สำหรับ จังหวัดภูเก็ตถือเป็นต้นแบบในหลายเรื่อง เป็นเมืองที่มีโรงพยาบาลที่ดูแลประชาชนบนเกาะ และจากผลการดำเนินโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ผ่านมาในช่วงโควิด-19 รวมไปถึงช่วงวิกฤตการณ์ของภัยพิบัติสึนามิ และภูเก็ตเป็นเมืองที่มีความหลากหลาย เป็นเมืองที่ทำรายได้สูงระดับต้นๆ ของประเทศ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีประชากรที่เข้ามาทำงานจากหลายภาค มีประชากรแฝง ขณะเดียวกันมีการให้บริการสุขภาพกับชาวต่างชาติที่มาอาศัยและท่องเที่ยในพื้นที่

ทั้งนี้ ความหลากหลายของจังหวัดภูเก็ต ทำให้เลือกเป็นพื้นที่ศึกษาดูงาน เพื่อให้ได้เห็นการบูรณาการด้านการแพทย์ ที่ไม่ได้ทำงานเพียงกระทรวงเดียวหรือเฉพาะหมอเท่านั้น แต่ต้องทำงานเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงในหลายกระทรวง หลายภาคส่วน และยังเป็นตัวหลักที่นำไปสู่รายได้เข้าประเทศสำหรับต่างชาติด้วย และเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 ได้ลงพื้นที่ จังหวัดพังงาเพื่อศึกษาดูงาน โดยจังหวัดพังงาเป็นต้นแบบของจังหวัดที่มีประชากรน้อยแต่อยู่ห่างไกลเป็นชาวเกาะอยู่ในทะเล มีการบริการทางด้านสุขภาพที่แตกต่างกันเป็นการบริการที่ต้องผ่านการจราจรทางน้ำ ทางอากาศ

ดังนั้นทั้ งสองจังหวัดเป็นโมเดลของระบบสุขภาพที่แตกต่างกันของประเทศไทย เป็นโมเดลที่จะก้าวไปสู่ประเทศและระดับโลก ซึ่งระดับประเทศคือพังงาที่เป็นเมืองที่มีความสุขระดับ 2 ของประเทศ ขณะเดียวกันภูเก็ต เป็นเมืองความหลากหลายระดับต้นๆ ของประเทศไทย และเป็นเมืองที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศด้วยระบบสุขภาพระดับต้นๆ ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว และจากการที่จังหวัดภูเก็ตเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Expo 2028 ภูเก็ตไทยแลนด์ ในฐานะทีมประเทศไทยด้วยกัน เราทุกคนช่วยกันร่วมมือสนับสนุนโดยเฉพาะวงการแพทย์ โครงการประชุมวิชาการเกี่ยวกับด้านสุขภาพ แพทยสภาจะเข้ามาร่วมมือในการเป็นเจ้าภาพด้วยกับราชวิทยาลัยต่าง ๆ ในด้านองค์ความรู้ของการแพทย์ประเทศไทยได้

นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ในนามสถาบันพระปกเกล้า ต้องขอบคุณพื้นที่จังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะโรงพยาบาล วชิระภูเก็ต ที่ให้โอกาสนักศึกษา ปธพ.10 มาศึกษาดูงาน โดยการศึกษาดูงานในทุกพื้นที่จะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะหลักสูตรนี้ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่ก็จะเป็นแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นภาคเอกชนสมทบ เพราะฉะนั้นการที่ได้เรียนรู้เรื่องของการจัดการโรงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญและเรื่องของโรคระบาดโควิด-19 ที่พึ่งผ่านพ้นไป

จังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งจังหวัดที่บุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนัก เมื่อได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจะเป็นประสบการณ์ในการทำงานให้กับพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่รัฐบาล ให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยว โดยหลักสูตรนี้มีองค์ประกอบของผู้เรียนหลากหลาย สถาบันฯจึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในทุก ๆ พื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกสาขาอาชีพ

นอกจากนี้ สถาบันพระปกเกล้าให้ความสำคัญของการผลิตนักศึกษา ผู้บริหารระดับสูงที่เข้ามาร่วมอบรม ในเรื่องของ ความอ่อนน้อม ถ่อมตน ทุกคนมีดีอย่าดูถูกใคร โดยดำเนินตามรอยมาจากพระบิดาของ ร.9 พระบิดา พระองค์ เป็นแพทย์ ที่ห่วงใยความเป็นอยู่และสาธารณะสุขของคนไทยทั้งหมด พระองค์พยายามสอน และปลูกฝัง ให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องมีความเอื้ออาทร ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ในการที่จะดูแลคนที่เป็นคนไข้หรือคนที่เกิดปัญหาในเรื่องของสุขภาพ ซึ่ง พระองค์ทรงเป็นพระบิดาวงการแพทย์ของไทย

ด้าน รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ประธานนักศึกษา ปธพ.10/ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า สำหรับหลักสูตรของ ปธพ. รุ่น 10 มีความหลากหลายของผู้เข้าร่วมการอบรมทุกภาคส่วนที่เข้ามา ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์สาธารณสุขและในส่วนที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องเพราะฉนั้นเหมือนเป็นการเปิดโลกให้ทั้งผู้ที่ดูแล ผู้บริหารทางด้านการแพทย์ และผู้บริหารทางด้านอื่น ๆ โดยหลักของการธรรมาภิบาลทางการแพทย์ คือการมีส่วนร่วม โดยมองประโยชน์ของส่วนร่วมในเรื่องของการคุ้มค่าเหมาะสม การดำเนินการที่โปร่งใสตรวจสอบได้ สิ่งนี้คือการสร้างความยั่งยืนระบบ จากการที่เราได้เรียนในภาคทฤษฎีและในภาคของการมาศึกษาดูงานระหว่างวันที่ 26-27 มกราคม 2566 จะเห็นได้ว่ารูปแบบเมื่อ วันที่ 26 มกราคม 2566 ไปโรงพยาบาลพังงา ก็เห็นว่าสามารถดำเนินงานได้ในการดำเนินการที่ตอบโจทย์ของคนในพื้นที่ การดำเนินงานนั้นก็สำเร็จ เมื่อสำเร็จก็จะได้รับการสนับสนุนก็สามารถผลักดันให้ไปสู่การยั่งยืนได้

ในขณะเดียวกัน วันที่ 27 มกราคม 2566 มาดูที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้เห็นถึงความพยายามของทีมงานวชิระภูเก็ต ว่าการดำเนินงานในช่วงวิกฤตที่ผ่านมาทั้งสึนามิ ทั้งโควิด ต้องมีแกนหลัก ที่สำคัญก็คือว่าเราจะต้องอยู่ให้ได้ให้อยู่รอด เพราะฉะนั้นองค์กรของทางการแพทย์สาธารณสุขโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และวงการอื่นๆ ก็ได้ผลักดันจนกระทั่งรอดมาได้ เพราะฉะนั้นนักศึกษาหลาย ๆ ภาคส่วนได้มาเห็น สามารถนำไปต่อยอด ได้และจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำเพื่อไปสู่ความสำเร็จ

จากนั้น ภาคบ่าย เป็นการศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป การบริหารจัดการโรงพยาบาลภาคเอกชนภายใต้ภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการบูรณาการด้านสาธารสุขร่วมกับโครงการภูเก็ตแชนบ๊อกซ์


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar